
พระราชวัง
"บางปะอิน "
พระราชวังบางปะอินตั้งอยู่บนเกาะบางปะอิน ตำบลบางเลน หมู่ที่ ๑ อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา อยู่ห่างจากศาลากลางจังหวัดพระนครศรีอยุธยาเพียง ๑๔ กิโลเมตร การไปชมพระราชวังนี้จากกรุงเทพมหานครไปได้ทั้งทางเรือ รถไฟ และรถยนต์
เกาะบางปะอินแต่เดิมเรียกว่า เกาะเลนหรือเกาะบางนางอิน เป็นที่ตั้งของพระราชวังบางปะอินในปัจจุบัน เกาะบางปะอิน เคยเป็นที่เสด็จ ประพาสของกษัตริย์ในสมัยกรุงศรีอยุธยามีเกร็ดประวัติเล่าว่า วันหนึ่งสมเด็จพระเอกาทศรถเมื่อครั้งยังเป็นพระมหาอุปราชได้เสด็จประพาสลำน้ำ เป็นที่สำราญพระหฤทัย เมื่อใกล้เกาะบางปะอินบังเกิดพายุใหญ่เรือใบพระที่นั่งถูกพายุพัดล่มลง จึงทรงว่ายน้ำขึ้นไปอาศัยชาวบ้านผิงไฟ ได้ทอดพระเนตรเห็นสาวงามนางหนึ่งเป็นที่ต้องพระทัย และได้อยู่กับสาวงามผู้นี้ ต่อมานางตั้งครรภ์และมีพระโอรส พระโอรสองค์นี้ต่อมาได้เป็นพระอินทราชา และได้ครองราชย์เป็นพระเจ้าทรงธรรม (พ.ศ. ๒๑๖๓ - ๒๑๗๑)
ต่อมาเจ้าพระยากลาโหม ซึ่งเป็นพระญาติของพระมารดาพระเจ้าทรงธรรมได้ขึ้นครองราชย์ ระหว่าง พ.ศ. ๒๑๗๓ - ๒๑๙๘ ปรากฏพระนามในพงศาวดารว่า สมเด็จพระเจ้าปราสาททอง เนื่องจากบางปะอินเป็นพระราชเคหสถานเดิมของพระองค์ จึงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างตำหนักไอสวรรย์ทิพยอาสน์ไว้ริมสระ และสร้างวัดชุมพลนิกายารามขึ้นเมื่อ พ.ศ.๒๑๗๔ เพราะเคยเป็นที่ประชุมไพร่พลมาก่อน
ต่อมาพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงปฎิสังขรณ์วัดนี้ตามแบบเดิมทุกอย่าง และโปรดเขียนภาพชาดกไว้ที่ผนังพระอุโบสถด้วย ซึ่งยังปรากฏอยู่จนทุกวันนี้
เกาะบางปะอินเป็นที่เสด็จประพาสของพระมหากษัตริย์กรุงศรีอยุธยาหลังพระเจ้าปราสาททอง ต่อมาทุกรัชกาลจนกระทั่งเสียกรุง และเมื่อย้ายนครหลวงมาอยู่กรุงเทพมหานครแล้ว เกาะบางปะอินถูกทิ้งรกร้างมาเป็นเวลา ๘๐ ปีเศษ จนถึงสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เริ่มมีเรือกลไฟเป็นพาหนะทางน้ำ พระองค์โปรดเสด็จทางน้ำอยู่เสมอ ครั้งหนึ่งเสด็จประพาสพระนครศรีอยุธยา ขากลับทรงล่องเรือผ่านเกาะบางปะอิน ทอดพระเนตรเห็นดงมะม่วงร่มรื่นเป็นที่พอพระราชหฤทัยยิ่งนัก จึงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระตำหนักขึ้นในบริเวณวังเก่าสมัยกรุงศรีอยุธยา พระราชทานนามว่า พระที่นั่งไอสวรรย์ทิพยอาสน์ ตามนามพระตำหนักเดิมของพระเจ้าปราสาททอง
ต่อมาในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์โปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระราชวังขึ้นเมื่อ พ.ศ. ๒๔๑๕ ต่อมาโปรดให้สร้างพระที่นั่งเวหาศจำรูญ ปรับปรุงพระที่นั่งวโรภาสพิมานใหม่ สร้างศาลเหมมณเฑียรเทวราชและอาคารอื่นๆ และมีการเฉลิมพระที่นั่งและสมโภชพระเศวตฉัตร ๓ วัน หลังจากนั้นได้เสด็จประพาสที่พระราชวังบางปะอินเป็นประจำทั้งทางเรือและทางรถไฟ ในขณะประทับแรม ณ พระราชวังนั้นโปรดเกล้าฯ ให้ราษฎรมีส่วนร่วมในการรับเสด็จพระราชาธิบดีจากต่างเมืองและงานฉลองอื่นๆ เป็นที่สนุกสนาน
นอกจากนั้นพระราชวังบางปะอินยังเป็นที่ประกอบพระราชพิธีสำคัญๆ ในสมัยนั้นด้วย เช่น พระราชพิธีศรีสัจจปานกาลถือน้ำ พระพิพัฒน์สัตยา การฉลองช้างสำคัญๆ การลอยพระประทีบ พระราชพิธีรัชฎาภิเษก
พระราชวังบางปะอินได้เป็นสถานที่รับเสด็จเจ้าชายจากต่างเมือง พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงนำแกรนด์ดุ๊กซาร์วิตส์ แห่งรัสเชีย และเจ้าชายยอร์จแห่งกรีซไปยังพระที่นั่งอุทยานภูมิเสถียร ซึ่งจัดไว้เป็นที่ประทับแรม
พระราชวังบางปะอิน สมัยรัชกาลที่ ๖ ถึงปัจจุบัน
รัชกาลที่ ๖ โปรดเสด็จไปประทับแรมที่พระราชวังบางปะอินเป็นเวลาหลายปี รัชกาลที่ ๗ เสด็จไปเพียงครั้งเดียวเมื่อคราวเสด็จไปบวงสรวง พระมหากษัตริย์ในอดีต ณ พระนครศรีอยุธยาหลังจากนั้นพระราชวังก็ถูกทอดทิ้งมานาน
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชพร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และพระบรมวงศานุวงศ์ ได้เคยเสด็จไปยังพระราชวังบางปะอิน และได้เสด็จเยี่ยมราษฎรในจังหวัดใกล้เคียง ในบางครั้งใช้เป็นที่พระราชทานเลี้ยงรับรองเจ้านายจากต่างประเทศ เช่น เจ้าหญิงมาเกรตเต้แห่งเดนมาร์ก เจ้าหญิงบีทริกซ์แห่งเนเธอร์แลนด์ พระเจ้าโบดวงแห่งเบลเยียม เป็นต้น
นำชมพระราชวังบางปะอิน
เมื่อเข้าไปในบริเวณพระราชวังบางปะอินภายในบริเวณร่มรื่นด้วยพันธุ์ไม้นานาชนิด บรรยากาศสดชื่นแจ่มใสเพราะแวดล้อมด้วยสระน้ำ มีตุ๊กตาปั้นแบบกรีกยืนอยู่บนราวสะพานห่างกันเป็นระยะดูสวยงาม สนามหญ้าเขียวขจี มีต้นไม้ตัดเป็นรูปสัตว์นานาชนิด พระที่นั่งต่างๆ ตำหนักและสถานที่ต่างๆ ในพระราชวังบางปะอินมีรูปลักษณ์อันงามไม่ซ้ำแบบกัน ดังนี้
เหมมณเฑียรเทวราช เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้จำลองแบบจากปรางค์ขอม และสร้างแทนศาลเดิม ซึ่งชาวบางปะอินสร้างไว้
สาเหตุของการสร้างศาลเนื่องมาจากพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงทราบข่าวการสิ้นพระชนม์ของสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ ณ ลำน้ำเจ้าพระยา ระหว่างทางเสด็จไปพระราชวังบางปะอิน เมื่อ พ.ศ. ๒๔๒๓ ทรงพระราชวิตกว่า สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหทิศ อาจจะทรงเป็นอันตรายด้วย จึงทรงบนว่าถ้าหากสมเด็จพระบรมโอรสธิราช ทรงรอดพ้นจากอันตราย จะทรงสร้างศาลถวายพระเจ้าปราสาททอง สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชได้เสด็จมาด้วยความปลอดภัย จึงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างศาลดังกล่าวขึ้นเป็นการใช้บน
พระที่นั่งไอสวรรย์ทิพยอาสน์ พระที่นั่งองค์นี้เป็นสัญลักษณ์ของพระราชวังบางปะอิน เป็นปราสาทสร้างอยู่ตรงกลางสระในรูปแบบของสถาปัตยกรรมไทย ตรงกลางพระที่นั่งประดิษฐานพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเครื่องยศจอมพลทหารบกหล่อด้วยทองสัมฤทธิ์ ขนาดเท่าพระองค์ประทับยืนเด่นเป็นสง่า
พระที่นั่งวโรภาสพิมาน พระที่นั่งนี้เป็นอาคารแบบยุโรป มีชั้นเดียว ตั้งอยู่ริมแม่น้ำ รัชการที่ ๕ ทรงใช้รับแขก ใช้เป็นท้องพระโรงออกขุนนาง และสำหรับมีงานพระราชพิธี พระที่นั่งองค์นี้มีห้องสำคัญ ๔ ห้อง ห้องแรกเป็นห้องรับแขก มีมโหระทึกสองข้างประตู มีภาพเขียนสีน้ำประดับที่ผนังเป็นเรื่องโคลงพระราชพงศาวดาร เช่น ภาพพระสุริโยทัยขาดคอช้าง ซึ่งสมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ทรงเขียน และมีอาวุธโบราณติดเป็นแผงประดับที่ผนังเช่นเดียวกัน
ห้องถัดไปเป็นท้องพระโรง จุดเด่นในห้องนี้คือพระแท่นเศวตฉัตร ซึ่งรัชกาลที่ ๕ เสด็จออกขุนนางในงานใหญ่ ที่หน้าพระแท่นมีตราแผ่นดิน ประดับด้วยโมเสกหลากสีอยู่ที่พื้น ตรงข้ามกับพระแท่นมีพระบรมรูปของพระองค์ทรงฉลองพระองค์บรมราชาภิเษก มีภาพเขียนประดับที่ผนัง ภาพเขียนในพระราชวังนี้ นอกจากโคลงภาพพระราชพงศาวดารแล้วยังมีภาพเรื่องพระอภัยมณี รามเกียรติ์ และอิเหนา ห้องกลางเป็นห้องเสวยและห้องสุดท้ายเป็นห้องนั่งเล่นตกแต่งแบบยุโรป
บริเวณใกล้พระที่นั่งถัดจากสะพานมีกำแพงกั้น มีประดูราชกิจวิวรณ์ สาครประพาศ เทวราชครรไล อนงค์ในจรจรัล เทวัญสถิต สังฆสิทธิภัตรการ นงคราญประเวศ และอรรคเรศวรดิษฐ
พระที่นั่งอุทยานภูมิเสถียร พระที่นั่งแห่งนี้ถูกไฟไหมเมื่อวันที่ ๙ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๘๑ จึงเหลือเพียงภาพถ่ายเท่านั้น พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุลจักรพงษ์ ได้ทรงเล่าไว้ในหนังสือเรื่องเกิดวังปารุสก์ ว่าพระที่นั่งนี้เป็นแบบยุโรป ทำด้วยไม้ทาสีเขียวอ่อน และแก่สลับกัน มีเฉลียงโปร่งรับลมรอบข้างทั้งชั้นบนและชั้นล่าง เครื่องตกแต่งเป็นของฝรั่งเศสสมัยพระเจ้านโปเลียนที่สาม ซึ่งสวยงามเข้าชุดกันอย่างดีเยี่ยม พระที่นั่งนี้เคยเป็นที่ประทับแรมและเป็นที่รับรองพระราชอาคันตุกะจากต่างเมืองในสมัยรัชกาลที่ ๕ พระที่นั่งองค์นี้เป็นองค์สำคัญ เปรียบเสมือนประธานแห่งพระราชวังบางปะอิน ปัจจุบันเหลือเพียงหอพระเป็นรูปหกเหลี่ยมไว้เป็นสัญลักษณ์ และมีกระเบื้องปูเป็นรูปฐานขององค์พระที่นั่งล้อมรอบด้วยกำแพงเตี้ย
พระที่นั่งเวหาศจำรูญ พระที่นั่งองค์นี้เป็นผลงานชิ้นเอกทางศิลปกรรมจีน สร้างตามแบบพระที่นั่งของพระมหากษัตริย์จีน จึงมักเรียกกันว่า “พระที่นั่งเก๋งจีน” พระที่นั่งนี้เป็นของถวายของข้าราชการท่าซ้าย ตือ พ่อค้าใหญ่ๆ ชาวจีน ซึ่งมีพระยาโชฎึกราชเศรษฐี เจ้ากรมท่าช้ายเป็นหัวหน้า ทำหน้าที่เป็นนายงานในการก่อสร้าง
พลับพลาบุปผาประพาส เป็นพลับพลาไม้เล็กๆ สร้างในสวน เคยเป็นที่ประทับสำราญพระราชหฤทัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า เจ้าอยู่หัว
วรนาฏยเกษมศานติ์ เดิมเป็นตำหนักสองชั้นสร้างด้วยเครื่องไม้ในรัชกาลที่ ๕ สำหรับเป็นที่ประทับของพระประยูรญาติฝ่ายใน ต่อมารัชกาลที่ ๖ โปรดเกล้าฯ ให้รื้อและสร้างโรงละครขึ้นแทน เป็นโรงไม้โปร่ง
สภาคารราชประยูร เป็นตำหนักสร้างเป็นตึกสองชั้น ตั้งอยู่ริมน้ำตรงหน้าพระที่นั่งวโรภาสพิมาน รัชกาลที่ ๕ โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเป็นที่ประทับของเจ้านายฝ่ายหน้าซึ่งตามเสด็จมาประทับแรมที่พระราชวังบางปะอิน ในปัจจุบันยังคงใช้เป็นที่ประทับของเจ้านายและแขกผู้มีเกียรติ
วิทูรทัศนา เป็นหอสูงสร้างอยู่บนเกาะน้อยในระหว่างพระที่นั่งอุทยานภูมิเสถียรกับพระที่นั่งเวหาศจำรูญ สร้างเป็น ๓ ชั้น มีบันไดเวียนขึ้นไปได้ถึงยอด รัชกาลที่ ๕ ทรงใช้เป็นที่เสด็จขึ้นไปทอดพระเนตรทัศนียภาพอันสวยงามรอบเกาะบางปะอิน
อนุสาวรีย์สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ ทรงเป็นพระราชธิดาในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระปิยมาวดีศรีพัชรินทรมาตา (เจ้าจอมมารดาเปี่ยม) ซึ่งต่อมาในรัชกาลที่ ๕ ได้ทรงสถาปนาเป็นสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวีอัครมเหสี และได้ประสูติพระธิดาพระองค์แรกคือ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้ากรรณาภรณ์เพ็ชรรัตน์ เมื่อวันที่ ๑๒ สิงหาคม ๒๔๒๑
วันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๔๒๓ สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พร้อมพระมเหสีอีก ๓ พระองค์ได้ตามเสด็จพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวแปรพระราชฐานเพื่อไปประทับแรม ณ พระราชวังบางปะอิน แต่เกิดเหตุการณ์อันไม่มีใครได้คาดคิดเกิดขึ้น เรือพระที่นั่งของสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์เกิดอุบัติเหตุล่มลงในลำน้ำเจ้าพระยา ขณะนั้นสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ทรงพระครรภ์ ๕ เดือนเต็ม ประทับอยู่ในเก๋งเรือพระที่นั่งเสด็จออกไม่ทันจึงสิ้นพระชนม์พร้อมสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้ากรรณาภรณ์เพ็ชรรัตน์
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงโปรดเกล้า ให้สร้างอนุสาวรีย์เพื่อเป็นที่ระลึกถึงสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระอัครมเหสี ณ บริเวณพระราชวังบางปะอิน องค์อนุสาวรีย์สร้างด้วยหินอ่อน ฐานเป็นแท่นสี่เหลี่ยม มียอดแหลมสูง ภายในบรรจุพระสริรางคารของสมเด็จพระนางเจ้าพระองค์นั้น รอบฐานมีโซ่เหล็กล้อมรอบ มีคำจารึกของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเป็นภาษาไทยด้านหนึ่ง ภาษาอังกฤษอีกด้านหนึ่ง ที่บริเวณใกล้อนุสาวรีย์นี้ มีอนุสาวรีย์อีกองค์หนึ่ง สร้างเป็นอนุสรณ์แด่พระอัครชายาเธอ พระองค์เจ้าเสาวภาคนารีรัตน์ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพาหุรัดมณีมัย สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าตรีเพ็ชรุตม์ธำรงและเจ้าฟ้าศิริราชกกุธภัณฑ์ แต่ละพระองค์มพระรูปจำหลักไว้พระองค์ละด้านของอนุสาวรีย์





